ถ้าศิลปะ คือ ผลแห่งพลังความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ ที่แสดงออกในรูปลักษณ์ต่างๆ ให้ปรากฏซึ่งสุนทรียภาพความประทับใจนั้น Sound Gallery House คือโรงแรมที่น้องสุขใจมีความเห็นว่าเหมาะกับคำๆ นี้เป็นอย่างยิ่ง ใครจะไปคิดว่าเครื่องดนตรีนอกจากจะมอบความเพลิดเพลินในรูปแบบเสียงแล้ว เมื่อนำมาผสมผสานตกแต่งเข้ากับอาคารสไตล์วินเทจ จึงทำให้เกิดศิลปะที่น่าหลงไหล ให้ความรู้สึกแปลกใหม่ ชวนมองอย่างน่าเหลือเชื่อ
คุณจอมเจ้าของโรงแรมเล่าให้น้องสุขใจฟังว่า เดิมทีโรงแรมนี้ปรับปรุงมาจาก “อั่งม้อหลาว”(คฤหาสน์แบบชาวต่างชาติ) เป็นตึกเดี่ยวทีมี่สถาปัตยกรรม แบบชิโน-โปรตุกีส หนึ่งในเอกลักษณ์ที่สร้างชื่อเสียงให้จังหวัดภูเก็ต
เนื่องจากมีการปรับปรุงมาจาก คฤหาสน์เก่า ทำให้รอบๆ อาคารมีพื้นที่ใช้สอยได้เยอะ และด้วยความบังเอิญที่ในนามสกุลของเจ้าของคนเก่าและตัวคุณจอมเอง มีคำว่าหลิมเหมือนกัน ซึ่งคำว่าหลิม (林) ในภาษาจีน หมายถึงป่า จึงมีการจัดสวน ปลูกต้นไม้ ไว้รอบๆ นอกจากจะสร้างบรรยากาศสดชื่นให้แก่โรงแรมแล้ว ยังมีซุ้มไว้ให้ผู้มาเยือนได้นั่งผ่อนคลายอีกด้วย
เมื่อเดินเข้ามาในตัวอาคารเพื่อนๆ จะถึงบางอ้อเลยว่าทำไมโรงแรมนี้ถึงใช้ชื่อนี้ เพราะไม่ว่าจะมองไปทางไหน จะหันซ้ายหรือมองขวา สิ่งที่สะดุดตาก็คงจะหนีไม่พ้นเหล่าเครื่องดนตรีหลากหลายชนิด ประดับตกแต่งอยู่ตามส่วนต่างๆ ของอาคาร อย่างเปียโน เครื่องเล่นแผ่นเสียง หรือแม้กระทั่งโคมไฟ ที่สร้างมาจากฉาบ หรือกลอง สิ่งเหล่านี้ทำให้ที่นี่สามารถเรียกได้ว่าเป็นโรงแรมที่มีความเฉพาะตัวสูงมาก มีเสน่ห์ที่ไม่เหมือนใคร หากเบื่อโรงแรมแบบเดิมๆ นี่คือที่ๆ น้องสุขใจสามารถยืนยัน นั่งยัน และนอนยันกับเพื่อนๆ เลยว่า ตอบโจทย์ได้แน่นอน ฟันธง!
พูดถึงการตกแต่งกันแล้วมาดูในส่วนของห้องพักกันบ้าง สำหรับโรงแรมนี้มีห้องพักให้เลือกหลากหลายแบบ แต่จะแยกอาคารระหว่างห้องพักส่วนตัวกับห้องพักแบบ Dormitory
มาดูห้องแบบแรกคือห้อง Standard
ห้องนี้คือห้อง Suite ในส่วนของห้องพักทั้งสองแบบ จะมีสิ่งอำนวยความสะดวกให้ครบครัน แอร์ ทีวี ตู้เย็น มุมกาแฟ โต๊ะเครื่องแป้ง และนอกจากนี้ข้างนอกยังมีมุมนั่งพักสบายๆ ไว้คอยบริการสำหรับใครอยากเปลี่ยนบรรยากาศ
สำหรับอาคารนี้ในความคิดของน้องสุขใจ เป็นอาคารที่ค่อนข้างสงบ มีความเป็นส่วนตัว ห้องพักขนาดพอดี ห้องน้ำสะดวกสบาย บรรยากาศเหมือนกับมาพักบ้านพักตากอากาศ บางครั้งทางโรงแรมจะบรรเลงเพลงจากเปียโน ก็จะปรับบรรยากาศให้น่าสนใจไปอีกแบบ เหมาะกับการพาครอบครัวมาเที่ยวมากๆ
อีกอาคาร เป็นอาคารของห้อง Dormitory แต่เป็นห้องที่น้องสุขใจเห็นครั้งแรก ต้องร้อง ว้าวว!!! ออกมาทันที เพราะแต่ละเตียงของที่นี่ให้พื้นที่ใช้สอยกว้างมากๆ ไม่อึดอัด ไม่คับแคบ แถมมี มู่ลี่ ที่เปิดออกมาแล้วเห็นวิวสวน จะใช้อ่านหนังสือหรือเขียนไดอารี่ ก็สะดวก เป็นความเอาใจใส่ของโรงแรมที่อยากให้แขกที่มาพักได้รับการดูแลที่ดีที่สุด และนอกจากเตียงแล้ว ภายในห้องยังมีส่วนของ Work space ที่จัดเต็มให้พื้นที่ในการใช้งานแบบไม่หวงเลยทีเดียว
ในส่วนของห้อง Dormitory มีเตียงจำนวน 20 เตียงด้วยกัน จะมาเดี่ยวมากลุ่มก็สบายแน่นอน
ชั้นบนสุดของอาคารนี้ยังมีพื้นที่จัดไว้สำหรับสังสรรค์ สามารถเดินขึ้นไปใช้ได้ ใครจะนั่งดูทีวีก็มีไว้บริการ หรืออยากจะจิบกาแฟเบาๆ ตากลมชมวิวก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบ
แน่นอนการตกแต่งภายในทุกๆ ที่ ถ้าสังเกตจากภาพรีวิวส่วนใหญ่แล้ว จะมีเครื่องดนตรีเป็นส่วนประกอบเสมอ แม้แต่พื้นในห้อง Dormitory ยังมีลวดลายคล้ายแป้นเปียโน เมื่อลองถามแรงบรรดาลใจก็ได้คำตอบแบบน่ารักๆ มาว่า “ผมเป็นครูสอนดนตรี พอมาทำที่พัก ก็อยากให้ที่พักมีเสียงดนตรี” นี่คือการสร้างแรงบรรดาลใจจากความชอบจนทำให้เกิดโรงแรมสุดครีเอท และสร้างความประทับใจให้น้องสุขใจจนต้องเอามาบอกต่อ
ที่นี่ไม่ได้บริการแค่ที่พัก เพราะ ทางโรงแรมยังเปิดให้เช่าสวนทางด้านหลัง เพื่อใช้ในการจัดงาน Event เล็กๆ เป็นสวนที่เหมาะกับงานหลายไสตล์ จะงานแต่งก็ดีหรืองานนิทรรศกาลโชว์ศิลปะก็ได้ ยังมีบาร์น้ำไว้คอยบริการอีก ครบครัน ครบเครื่อง
สำหรับใครที่อยากไปลองสัมผัสบรรยากาศดีๆ แบบนี้ Sound Gallery House ตั้งอยู่บริเวณถนน วิชิตรสงคราม คลิ๊ก https://is.gd/5RIdmk ตามแผนที่มาได้เลย
ดูบทความน่าสนใจอื่นๆ ได้ที่: www.phuketemagazine.com